ชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรหมลิขิต

ชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรหมลิขิต
คนเราเลือกที่จะเกิดบนความมีพร้อมทุกสิ่งไม่ได้ แต่คนเราเลือกที่จะเป็นในสิ่งที่ต้องการได้ด้วยตนเอง

วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556

เที่ยววัดขุนอินทประมูล เมืองอ่างทอง



เที่ยววัดม่วง จ.อ่างทอง

    วัดม่วง ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ที่วัดแห่งนี้ดูจะมีอะไรที่น่าสนใจอยู่หลายอย่าง ที่นำพาให้ผู้คนเดินทางไปเที่ยวชม เริ่มด้วย พระพุทธรูปองค์ใหญ่ปวงสมาธิที่ดูเด่นมองเห็นแต่ไกล พระอุโบสถล้อมรอบด้วยกลีบบัว ใหญ่ที่สุดในโลกภายในมีรูปปั้นเกจิอาจารย์ชื่อดัง มีแดนเทพพระเจ้าทั้งไทยและจีน แดนนรก แดนสวรรค์ มีรูปปั้นแสดงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสงครามไทย-พม่า ที่เมืองวิเศษชัยชาญ พระวิหารแก้วรัตนพราหมณ์-สุวรรณปาล เป็นที่เก็บโลงศพของเจ้าอาวาส


    คนเราเมื่อมีความสุขสบายดี ไม่เดือดร้อน ก็มักจะไม่นึกถึงวัด แต่ถ้าเมื่อไรที่ไม่สบายใจ เป็นทุกข์ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็แล้วแต่ วัดดูจะเป็นสถานที่แรกที่ผู้คนคิดว่าจะช่วยให้เขาคลายจากความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงนั้นได้ และอีกอย่างจะหันหน้าเข้าหาวัดก็ต่อเมื่อแก่ตัวลง หวังเป็นที่พึ่งทางใจให้ได้พบแต่สิ่งดีๆ เมื่อลาลับจากโลกนี้ไปแล้ว วกไปวนมามันก็หนีไม่พ้นใจอยู่ดี ใจเท่านั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
 

   ท่านปัญญานันทภิกขุ บอกว่า “เรามาวัดก็เพื่อมาศึกษาหาความรู้... เพื่อจะปรับปรุงจิตใจของเราให้ดีขึ้น เพื่ออะไร ก็เพื่อให้เรามีความสุข มีความสงบตามควรแก่ฐานะ”


      ท่านพุทธทาสภิกขุ บอกว่า “ศาสนาก็หมดได้ ถ้าเมื่อไรมันสอนกันผิด มันเรียนกันผิด มันปฏิบัติผิด คือผิดหลักพุทธศาสนา พุทธบริษัททั้งสี่คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา นั่นแหละจะทำให้พระธรรมวินัย หรือศาสนานี้หมดไป”

    นี่เป็นพระธรรมคำสอนดีๆ ที่นำมาฝาก ลองอ่านและคิดดู ก่อนที่จะจบ ถ้ามีโอกาสไปวัดอีกก็จะนำมาเล่าให้ฟังใหม่
 





   วัดขุนอินทประมูล

    วัดขุนอินทประมูล ตั้งอยู่ที่ตำบลอินทประมูล อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง จากประวัติความเป็นมา วัดนี้มีความสำคัญมากในสมัยอยุธยา ถูกสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ ก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ มีความยาว 50 เมตร ( 25 วา )สูง 11 เมตร (5 วา 2 ศอก) หินพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ ชาวบ้านเรียกว่า "พระศรีเมือง" เดิมเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่ประดิษฐานในวิหาร ต่อมาวิหารถูกหักพังลงหมดจึงดูคล้ายประดิษฐานอยู่บนโคกเนิน เมืองคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 วัดนี้ถูกไฟไหม้กลายเป็นวัดร้างอยู่ประมาณ 100 ปี ทั้งนี้มีตำนานเรื่องเล่าหนึ่งว่า ชาวจีน เป็นนายอากรตำแหน่งที่ขุนอินทร์ ได้ยักยอกเงินหลวงมาสร้างครั้งถูกสอบถามว่าเอาเงินจากใหนมาสร้างพระ ขุนอินทประมูลก็ไม่ยอมบอกความจริง จึงถูกลงโทษจนตาย คงมีความชื่อที่ว่า ถ้าบอกแหล่งที่มาของเงินแล้ว ตนจะไม่ได้กุศลตามที่ปรารถนา  วัดนี้จึงได้ชื่อว่าวัดขุนอินทประมูล

     ปัจจุบันองค์พระนอนอยู่กลางแจ้งไม่มีวิหารคลุมเช่นพระนอนองค์อื่น เนื่องจากวิหารเดิมคงหักพังไปนานแล้ว ดังจะเห็นได้จาก เสาพระวิหารที่ยังปรากฏอยู่รอบองค์พระนอน รอบ ๆ องค์พระมีต้นไม้ขนาดใหญ่หลายต้นขึ้นอยู่โดยรอบ ทำให้มีความสงบร่มเย็น เหมาะแก่การไปนมัสการให้เกิดความสุข สงบตามธรรมชาติ ซึ่งแปลกออกไปจากบรรยากาศในพระวิหาร







อุโบสถและเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม
 
   อุโบสถ
   ตั้งอยู่บนเนินที่มีอิฐก่อเป็นขอบสูงประมาณ 2 เมตร เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนรูปแบบศิลปกรรมสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยา หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกด้านละ 2 ช่อง ด้านบนพังทลายลงมานานแล้ว ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหินทรายที่มีการพอกด้วยปูนปั้น บริเวณพื้นปูด้วยกระเบื้องดินเผาไม่เคลือบ




    เจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม

   อยู่ติดอุโบสถทางด้านทิศตะวันตก ฐานเจดีย์มีลักษณะเป็นเขียงแปดเหลี่ยมซ้อนชั้น ตัวองค์เจดีย์เป็นทรงระฆังคว่ำแปดเหลี่ยม ส่วนยอดเป็นปล้องไฉนซ้อนชั้นเป็นขั้นไป ปัจจุบันส่วนยอดได้หักพังลงมาบางส่วน





   ที่มา ข่าวสด

  ตะลึงโบสถ์ 100 ล้าน วัดขุนอินทประมูล อ่างทอง มีทั้งลิฟต์-บันไดเลื่อน อ้างเพื่อผู้สูงวัย

  วัดไฮเทค - พระอุโบสถ 3 ชั้นราคาเกือบ 100 ล้าน วัดขุนอินทประมูล อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ติดตั้งอุปกรณ์ไฮเทคทั้งบันไดเลื่อนและลิฟต์ อำนวยความสะดวกสำหรับประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มาทำบุญปฏิบัติธรรม  ฮือฮาวัดดังเมืองอ่างทอง ทุ่ม งบฯกว่า 100 ล้านบาท เนรมิตอุโบสถ 3 ชั้น พร้อมเครื่องอำนวยความสะดวกเพียบพร้อม ทั้งบันไดเลื่อนและลิฟต์ ด้านล่างเป็นห้องโถงสำหรับจัดเลี้ยงอาหาร ตั้งโต๊ะจีนพร้อมกันได้ถึง 120 โต๊ะ ชั้น 2 มีเบาะไฮดรอลิกให้ญาติโยมได้ใช้พักผ่อน ขณะที่ชั้นบนสุดเป็นที่พักพระผู้ใหญ่ ด้านไวยาวัจกรเผยสาเหตุจัดสร้างอย่างอลังการเพื่ออำนวยความสะดวกให้ญาติโยม ที่มาทำบุญและพระสงฆ์ที่พรรษามาก ไม่ลำบากในการขึ้นลง
  เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดขุนอินทประมูล หมู่ 3 ต.บางพลับ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง หลังทราบข่าวมีการสร้างพระอุโบสถที่มีขนาดใหญ่ถึง 3 ชั้น และมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น บันไดเลื่อน และลิฟต์เอาไว้อำนวยความสะดวกให้ผู้ที่มาทำบุญที่วัด  เมื่อมาถึงวัดขุนอินทประมูล ซึ่งเป็น พุทธมณฑลจังหวัดอ่างทอง ที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ ด้านหลังองค์พระ มีพระอุโบสถขนาดใหญ่สีขาว หลังคาสีน้ำเงินมีทั้งสิ้น 3 ชั้น

 "นาย ประดับ เอี่ยมประชา" ไวยาวัจกรกล่าวว่า พระอุโบสถหลังนี้สร้างแล้วเสร็จไปประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ใช้งบประมาณไปแล้วทั้งสิ้น 97 ล้านบาท คาดว่าหลังสร้างเสร็จน่าจะถึง 100 ล้านบาท สำหรับเหตุผลที่สร้างพระอุโบสถที่มีทั้งลิฟต์ทั้งบันไดเลื่อนนี้ ก็เพราะว่าเนื่องจากทุกวันนี้มีญาติโยมที่สูงอายุมาเข้าวัดทำบุญกันเป็น จำนวนมาก ทางวัดจึงคิดว่าการที่สร้างพระอุโบสถที่มีลิฟต์และบันไดเลื่อนนี้ จะได้ไว้คอยอำนวยความสะดวกให้แก่ญาติโยมผู้สูงอายุทั้งหลายที่มาทำบุญ รวมทั้งพระสงฆ์ที่สูงอายุจะได้ไม่ลำบากในการเดินขึ้นเดินลง ซึ่งตอนนี้ลิฟต์สามารถใช้ได้ แต่บันไดเลื่อนนั้นตอนนี้เสียอยู่ ต้องรออะไหล่จากต่างประเทศ





   วัดท่าอิฐ

    ตั้งอยู่ที่บ้านท่าอิฐ ตำบลบางพลับ  วัดนี้สร้างเมื่อปี พ.ศ.2304 บริเวณที่ตั้งเดิมเข้าใจว่าเป็นที่ปั้นเผาอิฐนำไปก่อสร้างวัดขุนอินทประมูล นับว่าเป็นสถานที่ขนอิฐหรือท่าขนอิฐ และเมื่อได้สร้างวัดขึ้นจึงขนานนามว่าวัดท่าอิฐ พระประธานในอุโบสถชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อเพ็ชร” พระประธานในวิหารชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อขาว” เป็นพระพุทธรูปที่สร้างในสมัยอยุธยา ประมาณกว่า 200 ปีมาแล้ว ประดิษฐานอยู่ในวิหารมหาอุต เมื่อเข้าไปในวัดจะมองเห็น พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง โดดเด่นสีทองอร่าม มูลเหตุของการสร้างพระธาตุเจดีย์เนื่องจาก ราวพุทธศักราช 2535 พระครูสุคนธศีลคุณ(หลวงพ่อหอม) มีดำริจะสร้างเจดีย์ขึ้นในบริเวณวัด มีความกว้าง 40 เมตร สูง 73 เมตร รูปแบบศิลปะลังกา-อยุธยา และรัตนโกสินทร์ ลักษณะเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม มีองค์ระฆังและปล้องไฉน 32 ปล้อง เพื่อทดแทนเจดีย์หลังเดิม ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าอุโบสถที่ผุพังไปตามกาลเวลาและเพื่อบรรจุพระบรม สารีริกธาตุส่วนพระศอของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระพุทธรูปปางต่างๆ ประดิษฐานในพระเจดีย์เป็นสมบัติของศาสนาและเพื่อระลึกถึงพระคุณของพระองค์ ที่สั่งสอนสัตว์โลกจนเพียบพร้อมไปด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ผู้ปฏิบัติ ยิ่งๆ ขึ้นไปจนสามารถบรรลุคุณธรรมตามความสามารถของแต่ละบุคคล ต่อมาราวพุทธศักราช 2538 พระคุณสุคนธศีลคุณได้ทราบอาการพระประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ เป็นช่วงที่กำลังเริ่มก่อสร้างเจดีย์ ด้วยความห่วงใยในพระองค์ท่าน หลวงพ่อหอมได้ตั้งสัจจาธิษฐานว่า ขอให้ในหลวงทรงหายจากอาการพระประชวร ถ้าเป็นไปดังสัจจาธิษฐาน จะสร้างเจดีย์ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระองค์ท่าน และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานชื่อเจดีย์ว่า “พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง” สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีเสด็จมาเปิดเมื่อปี พ.ศ. 2543














1 ความคิดเห็น: